Ultra RF คืออะไร
หลักการทำ Ultra RF คือ การส่งผ่านคลื่นวิทยุ เข้าสู้ผิวหนังชั้นใน การปล่อยคลื่นไฟฟ้าจะเป็นในรูปของคลื่นวิทยุอ่อนๆ ในช่วงความถี่ 0.3 – 0.5 MHzที่ปลอดภัย พลังงานจากกระแสงไฟในช่วงคลื่นความถี่วิทยุสามารถผ่านทะลุผิวชั้นบนเพื่อ ไปเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นลึก และประสานไปกับการนวดพร้อมๆกัน ซึ่งจะทำให้เกิดการไหลเวียน กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายในทำให้ ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3-5 องศา ซึ่งเป็นวิธีการที่ปลอดภัย เพราะอุณหภูมิของร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นไม่เกิน 42 องศา ซึ่งกลไกการทำงานโดยการส่งผ่านคลื่นวิทยุลงไปในทุกชั้นของผิวหนัง
- ผิว ชั้นบนสุด คือ ชั้น Epidermis หรือชั้นหนังกำพร้า คลื่นวิทยุจะมีผลให้สิวเสี้ยนบางส่วน ฝ้าและกระบางส่วนและเซลล์หนังกำพร้าที่หมดอายุแล้วหลุดลอกออกไป ทำให้ผิวเรียบเนียน ขาวใสขึ้น รอยดำใต้ตา ฝ้าและกระจางลงยังกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นของเซลล์ที่ยังไม่หมดอายุของหนัง กำพร้าชั้นล่างๆ
- ผิวชั้นถัดไปเป็น Dermis หรือหนังแท้ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องความตึงกระชับของผิว คลื่นวิทยุมีผลให้ผิวหนังชั้นนี้สร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทำให้ผิวหนังที่เคยหย่อนคล้อย คางตลอดจนคอตึงกระชับขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา
- ชั้นที่ลึกที่สุดที่คลื่นวิทยุ เข้าไปถึงคือชั้น Subcutaneous fat หรือชั้น ไขมัน ใต้ผิวหนังมีผลให้เกิดการละลายของไขมันเข้าไปสู่หลอดน้ำเหลือง ทำให้ลดขนาดของไขมันถุงใต้ตา ใต้คางเมื่อทำการสลายไขมันที่แก้ม ใต้หู รวมไปถึง ที่หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา
เครื่อง RF ในปัจจุบัน อาจจะแบ่งชนิดตามหลักการทำงาน ได้เป็น ดังนี้
- Bipolar RF เป็น RF ที่ส่งพลังงานจากสองขั้ว และมักจะออกฤทธิ์ที่ชั้นผิวหนังส่วนบน ช่วยยกกระชับ และลดไขมัน มักจะใช้ที่ใบหน้าเป็นส่วนใหญ่ มักพบเป็นเครื่องเดี่ยวๆ หรือผสมผสานกับ IPL เหมาะกับการกระชับผิวข้อดี คือ ไม่เจ็บขณะที่ทำ
- Monopolar RF เป็น RFจากขั้วเดียว และมี Plate รองไว้ที่ด้านล่าง จะออกฤทธิ์ในชั้นที่ลึกกว่า Bipolar RF อาจจะถึงชั้นไขมัน กล้ามเนื้อมักจะเน้นในแง่รักษาความหย่อนคล้อยของผิวพรรณ ผิวหน้า ผิวกาย กระชับขึ้นและยังช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินตามลำตัวได้ความ รู้สึกขณะทำ RF ในระหว่างการทำ RF จะรู้สึกอุ่นๆ บริเวณที่ทำ และหลังจากการทำเสร็จทันทีผิวบริเวณนั้นจะเป็นสีชมพู หรือแดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจาก เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดที่มาหล่อเลี้ยงผิวบริเวณนั้น ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปเอง หลังจากนั้นจะรู้สึกว่าผิวตึงเต่งตึงขึ้นนอกจากนี้จะรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เหมือนกับการเข้าสปานวดหน้า นวดตัว
ข้อปฏิบัติหลังการทำการรักษา
- แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่า เฉลี่ย 3-4 ลิตร เพื่อให้ของเสียที่คั่งค้างสะสมอยู่ในร่างกายถูกกำจัดออกให้เร็วที่สุดและในวันถัดไปให้ดื่มน้ำเปล่าวันละ 2 ลิตร ถ้าดื่มน้ำน้อยขบวนการขับของเสียออกจากร่างกายจะไม่ดี ของเสียและไขมันจะยังคงอยู่ในร่างกาย ทำให้ผลในการรักษาได้ผลไม่ดีนัก
- กรณีรักษา RF เพื่อลดไขมันส่วนเกิน ควรควบคุมอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาลและไขมันเพื่อป้องกันไขมันส่วนเกินมาสะสมใหม่
- ควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาเร็วยิ่งขึ้น ควรรักษาควบคู่ไปกับการทำทรีทเม้นท์อื่นๆ ร่วมด้วย ควรทำอย่างต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง